อาการขาดน้ำตาลจนหน้ามืด เข้าใจภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ

จากข่าวที่มีผู้ออกกำลังกายหน้ามืดระหว่างออกกำลังกาย จากภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ จนประสบอุบัติเหตุร้ายแรง กระโหลกศีรษะ และใบหน้าได้รับบาดเจ็บ

วันนี้ทาง Beliv wellness จะมาสอนและเรียนรู้จากข่าวนี้เพื่อหาทางป้องกันก่อนที่จะเกิดอุบัติเหตุกันครับ

ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ

หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า “ขาดน้ำตาล” คือภาวะที่ระดับน้ำตาลในเลือดลดลงต่ำกว่าปกติ ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการต่างๆ รวมถึงหน้ามืดได้อาการของภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำนอกจากอาการหน้ามืดแล้ว อาการอื่นๆ ที่พบบ่อย ได้แก่

1. อาการเกี่ยวกับระบบประสาท ได้แก่ ตัวสั่น เหงื่อออกมาก ใจสั่น หิวบ่อย เวียนศีรษะ ปวดศีรษะ รู้สึกหงุดหงิดหรือกังวล
2. อาการเกี่ยวกับสมอง ได้แก่ ง่วงซึม สับสน มึนงง พูดไม่ชัด สายตาพร่ามัว
3. อาการเกี่ยวกับร่างกาย ได้แก่ อ่อนเพลีย ไม่มีแรง

สาเหตุของภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ

1. ผู้ป่วยเบาหวาน เกิดจากการใช้ยาอินซูลินหรือยาป้องกันโรคเบาหวานในขนาดที่มากเกินไป หรือการออกกำลังกายหนักเกินไปโดยไม่ได้รับประทานอาหารเสริม
2. การอดอาหาร ไม่รับประทานอาหารเป็นเวลานาน
3. ดื่มแอลกอฮอล์ แอลกอฮอล์ไปขัดขวางการผลิตน้ำตาลในตับ
4. ภาวะต่อมหมวกไตทำงานผิดปกติ ต่อมหมวกไตผลิตฮอร์โมนที่ช่วยเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือด
5. การใช้ยาบางชนิด เช่น ยาลดความดันโลหิต ยาแก้ปวด อาจมีผลข้างเคียงทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลง
6. การออกกำลังกายหนัก การออกกำลังกายใช้พลังงานจากไกลโคเจน ไขมัน และน้ำตาลในเลือด หากใช้น้ำตาลในเลือดจนเหลือน้อยก็จะทำให้เกิดอาการหน้ามืด เวียนหัวได้

เมื่อเราทราบสาเหตุ และอาการเบื้องต้นแล้วเรามารู้จักวิธีป้องกัน และการเตรียมตัวก่อนการออกกำลังกายกันดีกว่า

เตรียมตัวอย่างไรให้ออกกำลังกายนานๆ โดยไม่ขาดน้ำตาล

การออกกำลังกายเป็นเวลานาน โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่มีภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ หรือผู้ที่ต้องการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด จะต้องมีการวางแผนและเตรียมตัวอย่างรอบคอบ เพื่อป้องกันภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำขณะออกกำลังกาย ซึ่งอาจเป็นอันตรายได้ สิ่งที่ควรเตรียมตัวก่อนออกกำลังกาย

1. ตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือด
ก่อนออกกำลังกาย ควรตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดเพื่อให้แน่ใจว่าอยู่ในระดับที่ปลอดภัย หากต่ำเกินไป ควรรับประทานอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลก่อนออกกำลังกาย

2. รับประทานอาหารก่อน
รับประทานอาหารก่อนออกกำลังกายประมาณ 1-2 ชั่วโมง ควรรับประทานอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน เช่น ข้าวกล้อง ผัก ผลไม้ เพื่อให้ร่างกายได้รับพลังงานอย่างต่อเนื่อง
หรือหากมีเวลาน้อยให้ใช้เป็นน้ำตาลที่มีอัตราการดูดซึมสูง เช่น เกลือแร่ออกกำลังกาย หรือ energy gel

3. พกขนมหรือเครื่องดื่มที่มีน้ำตาล
ควรพกขนมหรือเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลติดตัวไปด้วย เช่น ลูกอมเจล น้ำผึ้ง น้ำผลไม้ เพื่อใช้ในกรณีที่รู้สึกมึนงง เวียนหัว หรือมีอาการน้ำตาลต่ำ

4. ดื่มน้ำให้เพียงพอ
ดื่มน้ำให้เพียงพอก่อน ระหว่าง และหลังออกกำลังกาย ควรดื่มน้ำให้เพียงพอเพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ

5. เลือกชนิดและความหนักของการออกกำลังกาย
เลือกชนิดและความหนักของการออกกำลังกายให้เหมาะสม เริ่มต้นด้วยการออกกำลังกายที่เบาและค่อยๆ เพิ่มความหนักและระยะเวลาในการออกกำลังกายอย่างช้าๆ

6. ออกกำลังกายเป็นกลุ่ม หรือมีผู้ฝึกสอน
ออกกำลังกายเป็นกลุ่ม หรือมีผู้ฝึกสอน และโค้ชคอยดูแล การออกกำลังกายเป็นกลุ่มจะช่วยให้คุณมีแรงบันดาลใจและมีคนคอยดูแลในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉิน

สิ่งที่ควรระวังขณะออกกำลังกาย

1. สังเกตอาการว่าระหว่างออกกำลังกาย ควรสังเกตอาการของตนเอง หากรู้สึกมึนงง เวียนหัว ใจสั่น เหงื่อออกมาก หรือมีอาการอื่นๆ ที่ผิดปกติ ควรหยุดพักทันทีและรับประทานอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีน้ำตาล

2. หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายตอนท้องว่าง การออกกำลังกายตอนท้องว่างอาจทำให้น้ำตาลในเลือดลดลงได้เร็วขึ้น

Opening Hours

Information

Follow Us

Copyright © 2023. Belivwellness